Blossom Stories : Enjoy every minute of life

April 5, 2010

สบายๆ อย่างพอเพียง

Filed under: Lifestyle — blossom2219 @ 10:03 pm

ก่อนจะเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ดิฉันเคยเรียนโรงเรียนวัดที่ต่างจังหวัดมาก่อน เวลาเล่าเรื่องนี้ทีไร คำถามต่อมาที่จะได้รับจากผู้ฟังก็คือ จังหวัดอะไรเหรอ? พ่อแม่เป็นคนที่ไหน? พอตอบไปว่าปทุมธานี ก็จะโดนค้อนเล็กน้อย หาว่าไม่ใช่ต่างจังหวัดซะหน่อย อะไรวะ ก็มันไม่ใช่กรุงเทพฯ ชัดๆ

 

พ่อเป็นคนปทุมธานีค่ะ มีบ้านที่นั่น ซึ่งพ่ออยู่มาตั้งแต่เด็กๆ ตอนดิฉันเด็กๆ ก็เคยมาอยู่เหมือนกัน จำไม่ค่อยได้แล้วว่านานแค่ไหน แต่เป็นช่วงที่แฟลต หรือบ้านพักข้าราชการตำรวจ สน. ลุมพินี ยังสร้างไม่เสร็จ พอสร้างเสร็จ ครอบครัวเราค่อยย้ายเข้ามากรุงเทพฯ แล้วดิฉันกับน้องชายก็เริ่มเรียนชั้นป.1 กันที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในซอยร่วมฤดี

 

บ้านของพ่อเป็นบ้านไม้ มีใต้ถุน ต่อมาพ่อลงทุนตกแต่งเพิ่มเติม จนชั้นล่างดูงามตา ปูพื้นกระเบื้อง สร้างห้องน้ำในบ้าน ติดแอร์ โห ดูหรูหราน่าภาคภูมิใจเชียวค่ะ ตำรวจบางคนพอเกษียณแล้วไม่มีที่อยู่ ต้องมาเช่าห้องเล็กๆ อยู่ แต่พ่อมีบ้านหลังเบ้อเริ่ม สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เลย แถมไม่ต้องกู้แบงก์ ไม่ต้องผ่อน ไม่ต้องเสียค่าส่วนกลาง ด้วย

 

หลังจากย้ายกันออกมาแล้ว ดิฉันมีโอกาสไปบ้านพ่อไม่บ่อย ตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้ว เพราะตอนนั้นที่บ้านยังไม่มีรถยนต์ ถ้านั่งรถเมล์ไปก็ต้องไปต่อสองแถวที่วัด ดิฉันเมารถ แล้วตอนนั้นถนนหน้าบ้านพ่อยังเป็นทางลูกรัง ฝุ่นแดง ไฟฟ้า ประปา ไม่มีสักอย่างเลยค่ะ ตอนกลางคืนมืดตื๋อ แถมห้องน้ำก็อยู่นอกตัวบ้าน ยังไม่รวมสัตว์เลื้อยคลานอย่างตุ๊กแก หรืองูเห่า ที่วันดีคืนดีก็มานอนหน้าศาลพระภูมิหน้าบ้านด้วย

 

เวลาผ่านไป พร้อมกับการเลือกตั้งหลายสมัย ตอนนี้มีถนนยางมะตอยตัดผ่านหน้าบ้านเลย ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ครบถ้วน สะพานไม้โยกเยกข้ามคลอง กลายเป็นสะพานปูนแน่นหนา และก็มีหมูบ้านมากมายนับไม่ถ้วน สร้างอยู่เลียบคลองประปานี่แหละ ร้านอาหาร สวนอาหาร ผับบาร์มากมาย ป้าดดด..เดี๋ยวนี้เขาพัฒนาแล้วค่ะ

 

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีโอกาสได้พาอุ๊ก อุ๊ก ไปบ้านคุณตา ขึ้นทางด่วนหนีม็อบแดงสำเร็จ ลืมบอกว่า หลังบ้านพ่อยังมีท้องร่องเล็กๆ มีสวนที่พ่อปลูกต้นไม้ไว้ด้วย (โปรดดูภาพประกอบเป็นหลักฐานนะคะ) สองแม่ลูกจอมซนอย่างเราก็พากันไปเดินเล่น สาเหตุหนึ่งก็เพราะมีเปลญวนผูกไว้ด้วย เป็นที่รู้กันค่ะว่านั่งแล้วสนุกกว่าชิงช้าสวรรค์ หรือ ชิงช้าในสวนลุมเป็นไหนๆ เมื่อสำรวจแล้วว่ามันผูกไว้กับโคนต้นไม้ใหญ่ รากลึก แข็งแรงมั่นคง รับน้ำหนักเราได้ชัวร์ เราก็เล่นเลย

 

บรรยากาศร่มรื่น สบายใจเป็นที่สุด นึกถึงกระแสพระราชดำรัสเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเลย คือ ข้างนอกแดดจ้า เหงื่อซิก แต่เพราะหลังบ้านมีไม้ยืนต้นที่ให้ร่มเงาเยอะ เปลอยู่โคนต้นไม้ใหญ่ริมร่องน้ำ มีต้นกล้วย ต้นมะม่วง ต้นมะนาว ตำลึง มะยม ขนุน ออกลูกให้เห็นเต็มตันเลย สอนวิชาวิทยาศาสตร์และเกษตรให้อุ๊ก อุ๊ก ได้ง่ายมาก

 

อุ๊กเอาไม้เขี่ยดินข้างจอมปลวกแล้วถามว่า แม่ นี่ดินอะไร? ดิฉันก็ตอบว่า ดินร่วนไงลูก แกเลยบอกว่า อ๋อ อุ๊กเคยเห็นแต่ตัวอย่างที่ครูเอามาให้ดูในห้อง แบบนี้ใช่ไหม ที่ปลูกต้นไม้ได้งอกงามเพราะมันร่วนซุย ไม่เหมือน ดินทราย กับดินเหนียว ดิฉันเลยคิดได้ว่า เด็กสมัยนี้ อาจไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นดิน หรือ ผืนแผ่นดินใหญ่ๆ แน่เลย เพราะในเมืองมีแต่พื้นคอนกรีต ในสวนลุมก็มีหญ้าปกคลุม ดินเล็กน้อยที่อาจจะเห็นได้ชัดๆ ก็คงในกระถางต้นไม้ อุ๊กๆ คงได้เห็นผืนดินเป็นครั้งแรก

 

ดิฉันหยิบใบตองมาให้ลูกทำแหวนเล่น หยิบก้านมะยมให้ดูด้วยว่าสมัยก่อนเขาใช้ก้านนี้ตีเด็กดื้อนะ แล้วก็ยังมีก้านมะพร้าวที่เขาเอามาทำไม้กวาดได้ด้วย มีความสุขกันแบบพอเพียงค่ะ เล่นกันเสร็จ อุ๊ก อุ๊ก จะอาบน้ำ เธอนุ่งผ้าถุงนั่งอาบข้างโอ่งมังกรใบใหญ่ เปิดน้ำจากก๊อก หัวเราะชอบใจว่า โห บ้านคุณตา ไม่ต้องใช้เครื่องทำน้ำอุ่นเลย น้ำร้อนตลอดเวลา เพราะโอ่งน้ำตากแดดจ้าขนาดนั้น น้ำอุ่นอยู่นาน เธออาบไม่เลิกเลยค่ะ ไม่เปลืองไฟด้วย 555

 

ปิดท้ายด้วยรูปของความสุขใกล้ตัวของสองแม่ลูก ต้นไม้ใบใหญ่เบ้อเริ่มที่เห็นชื่อว่านพญาจงอางค่ะ ว่ากันว่าปลูกไว้แล้วงูเห่าจะไม่มา จริงเท็จแค่ไหนก็ไม่ทราบได้ค่ะ แต่ตำราบอกว่าว่านตัวนี้มีคุณสมบัติแก้พิษงูกัดได้พร้อมกับสรรพคุณอีกมากมายเลย

 

บล็อกหน้าอย่าพลาดนะคะ จะมาเล่าเรื่องธรรมะ Delivery ให้ฟัง อย่างฮา

Leave a Comment »

No comments yet.

RSS feed for comments on this post. TrackBack URI

Leave a comment

Blog at WordPress.com.